top of page

Rules of Horror: กฎการเดินผ่านสะพานตอนกลางคืน

  • รูปภาพนักเขียน: 21
    21
  • 10 ธ.ค. 2564
  • ยาว 1 นาที

ถึง ‘คุณ’ ผู้ที่หยิบขึ้นมาอ่านด้วยความดลใจ


คุณว่าไหม มันจะมีอะไรแย่ไปกว่าการมีลมหายใจบนโลกสุดเฮงซวยนี่ ผมอ้อนวอนต่อโชคชะตาหลายร้อยรอบ หรือบางทีล้านรอบ แต่มันไม่เคยเห็นใจผมเลย ผมขอร้องครั้งที่หนึ่ง ถ้าคุณไม่ได้คิดอะไร “สั้นๆ” ก็ไม่ควรจะอ่าน วางมันไว้ที่เดิม อย่าได้คิดจะกวาดสายตาไปทางขวา เตือนครั้งที่สองยิ่งถ้าคุณกำลังมีจิตใจที่แจ่มใสก็ควรจะทิ้งกระดาษใบนี้ไป มันไม่มีเรื่องสนุก ไม่ได้มีอะไรน่าอ่าน เตือนครั้งที่สาม คุณยังมีเวลาอีก สาม..สอง..หนึ่ง ผมเตือนคุณแล้ว(: แต่คุณก็ยังอ่านมาจนถึงตรงนี้ รู้อะไรไหม เงื่อนไขมันเริ่มตั้งแต่ผมเตือนคุณครั้งที่สอง


ผมมีเงื่อนไข เงื่อนไขที่ผมตั้งขึ้นมาขำ ๆ ในเมื่อมันอยู่ในมือคุณแล้วอย่าได้ทิ้งมันไปง่าย ๆ อย่าแม้แต่จะคิด อย่าวางมันไว้ที่เดิมในเมื่อผมเตือนคุณแล้ว จับให้มั่นและยืนอ่านมันตรงนี้ที่ที่ผมเคยยืน คุณจะออกจากตรงนี้ได้ก็ต่อเมื่อคุณทำตามกฎ 7 ข้อนี้สำเร็จ ถ้าไม่ทำนั่นหมายถึงชีวิตของคุณหรือถ้าคุณทำผิดกฎนั่นก็หมายถึงชีวิตของคุณเช่นกัน


จำไว้ว่าผมอยู่ในที่ที่คุณมองไม่มีทางมองเห็นและผมจับตาดูคุณทุกวินาที ถ้าผมเห็นความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว คุณก็รู้ว่าจะเกิดอะไร...



เธอเริ่มก้าวขาไม่ออก เมื่อได้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่าน มันถูกพับและทับด้วยก่อนหินก้อนหนึ่ง ใจความในกระดาษทำเอาเธอหวั่นใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแล้วทำไมเธอจะต้องมาอ่านมัน ไม่มีใครห้ามและเธอก็ดูจะไม่ได้คิดห้ามตัวเองตั้งแต่แรก แต่กลับเลือกที่จะเดินมาหยิบมันอ่าน


บนสะพานที่ทอดยาว เธอที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานทั้งวันตอนนี้กำลังเดินทอดน่องรับลมและตัดพ้อกับชีวิตที่ไม่ได้เรื่องดังเช่นทุกวันที่เคยทำ สะพานสายนี้เธอก็เดินผ่านเป็นประจำ แต่วันนี้ไม่เหมือนทุกวันเพราะเธอเลิกงานดึกผิดปกติ แล้วตอนนี้บนสะพานก็เงียบไม่มีใครเดินผ่านเหมือนทุกครั้ง มีแต่รถที่ขับผ่านไปมาสองสามคันเพราะมันดึกมากแล้วนั่นแหละ เธอเดินตามสะพานไปเรื่อย ๆ จนมาเจอกับกระดาษที่ถูกก้อนหินทับไว้ เธออ่านมันเข้าแล้ว กระดาษที่เขียนกฎบ้า ๆ ไว้ 7 ข้อ




ข้อที่หนึ่ง มองไปรอบ ๆ ตัว สูดอากาศแสนบริสุทธิ์ให้เต็มปอด เห็นไหม ข้างหน้าคือแม่น้ำสายใหญ่ ทางซ้ายคือสะพานที่ทอดยาวไปอีกฝั่ง ทางขวาก็คือสะพานที่ทอดยาวไปอีกฝั่ง และคุณยืนอยู่ตรงนี้...ที่ที่ผมเคยยืน ใจกลางสะพาน ใช่ คุณจะรู้ตัวไหมว่ามันไม่ใช่ที่ที่คุณควรยืน งั้นลองขยับอีกหน่อย หมายถึงขยับมาให้ชิดขอบสะพาน เดินไปทางซ้ายสามก้าวแล้วเก็บปากกาสองแท่งกับกระดาษขึ้นมา ย้ำว่าต้องสามก้าวเท่านั้น มากกว่านั้นคุณจะเจ็บและมีเลือดออกแน่นอน ผมรับประกัน


ข้อที่สอง มองลงไปข้างล่างสะพาน คุณก็เห็นใช่ไหมว่ามันสูง แล้วปากกาแท่งหนึ่งให้คุณเอาไปวางไว้ทางขวารวมกับปากกาอีกแท่งกับกระดาษที่วางไว้แล้ว ส่วนกระดาษที่เก็บมาก่อนหน้ากับอีกแท่งหนึ่งให้เก็บมันไว้กับตัว อย่าสงสัย อย่าเคลือบแคลง แค่ทำตามเงื่อนไขที่ผมตั้งแล้วคุณจะได้ไปจากตรงนี้ ผมรับประกัน


ข้อที่สาม คุณอาจจะต้องทำอะไรที่มันเสี่ยงหน่อย ผมหมายถึงเสี่ยงต่อการที่คุณจะพลาดได้ง่าย ๆ คุณก็เห็นสายน้ำเชี่ยวข้างล่างนั่นใช่ไหม ผมย้ำให้คุณดูบ่อย ๆ เพราะหากคุณทำอะไรตกลงไปแม้แต่นิดเท่ากับคุณผิดกฎ คุณจะต้องถอดรองเท้าและวางไว้ขอบสะพาน วางให้ชิดขอบที่สุด อย่าเหลือช่องว่างแม้แต่นิดและอย่าพลาดทำมันตกลงไปข้างล่าง ผมถึงบอกว่าคุณต้องทำอะไรที่มันเสี่ยงหน่อย เพื่อเตือนตัวเองให้รอบคอบเสมอ


ข้อที่สี่ ถ้ามีคนที่ขับรถผ่านไปมาจอดถามคุณ ไม่ว่าจะถามแบบไหน ขอคุณอย่าตอบ อย่ากระพริบตา หรือขยับตัวแม้แต่นิด แม้แต่นิดก็คือแม้แต่นิด รอจนกว่าคนที่มาถามจะขับรถออกไปเอง ถ้าคุณไม่ทำตามข้อนี้ผมก็คงจะไม่พอใจ และผมอาจจะทำให้คุณเจ็บจนเกือบหยุดหายใจ ไม่สิ จนหยุดหายใจ ผมรับประกัน


ข้อที่ห้า คราวนี้กระดาษกับปากกาที่อยู่กับตัวคุณให้คุณเอามันมาเขียนข้อความตามจดหมายที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้ภายใน 7 นาที เวลาน้อยไปหรอ? แต่ผมไม่ชอบคนชักช้า ถ้าเกินกว่านั้นผมจะอารมณ์ไม่ดีและพาลปัดของแถวๆ นั้นร่วงตกลงน้ำไปหมด แล้วคุณก็ต้องเขียนให้ครบทุกตัวอักษร อย่าเขียนผิด อย่าขีดฆ่าและอย่าเขียนข้อความอะไรนอกเหนือจากที่ผมบอก ตั้งสติให้ดี ไม่งั้นรองเท้าที่คุณวางไว้ขอบสะพานอาจจะตกลงไปด้วยฝีมือของผม ซึ่งนั่นหมายความว่าอะไรคุณก็รู้ อีกอย่างผมเกือบลืมบอก ให้แทน ‘ผม’ ว่า ‘ฉัน’ ลงไปทุกคำในจดหมาย เขียนเสร็จแล้วก็ให้คุณพับและเดินไปทางขวาหกก้าว ย้ำว่าหกก้าวเท่านั้น เอามันวางแล้วเอาก้อนหินก้อนนั้นทับไว้ ภาพคุ้น ๆ ไหม จดหมายกับก้อนหิน


ข้อที่หก ไอ้พวกข้อก่อนหน้าก็เป็นกฎเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นแหละ คุณว่าไหม? คราวนี้คุณต้องนั่งสูดอากาศสักหน่อย บนขอบสะพานที่คุณวางรองเท้าไว้นั่นแหละ ผมเคยนั่ง คุณก็ขึ้นมานั่งดูสิ แล้วห้ามลงมาเด็ดขาด อยากให้คุณนั่งสูดอากาศจนกว่าจะถึงเช้า ถ้าคุณไม่ทำตามแล้วลงมาจากขอบสะพาน... อืม จะทำโทษคนผิดกฎยังไงดีนะ? ผลักหรือดึงดี แต่นั่นแหละผมไม่ได้ร้องขอให้คุณทำแต่นี่มันคือกฎ อย่าลืมว่าคุณมีสิทธิ์จะไปจากที่นี่ตั้งแต่ผมนับหนึ่งถึงสามแล้ว แต่คุณยังอยู่..


ข้อที่เจ็ด สุดท้ายแล้วจดหมายที่คุณถืออยู่ในมือตอนนี้ คุณควรไม่ควรทำลายมันทิ้ง แต่ยังไงก็ตามผมขอย้ำกับคุณอีกรอบ นั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าจะเช้า พระอาทิตย์ขึ้นเมื่อไรนั่นเท่ากับกฎนี้สิ้นสุดลง และคุณก็จะได้ไปจากที่นี่ ถ้าคุณผ่านข้อห้าเป็นคนแรก




เธอนั่งร้องไห้กับกฎพวกนี้ และใช่ เธอทำตามกฎจนถึงข้อที่ห้าแล้ว ตอนนี้ไม่มีเวลามาคร่ำครวญถึงความโชคร้าย เธอพยายามรวบรวมสติเท่าที่จะทำได้ นาฬิกาข้อมือที่ใส่ไว้ก็มีเสียงติ๊ด แล้วจับเวลาเองอัตโนมัติ เธอไม่รู้มันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่คงเป็นฝีมือของ'ใคร' สักคนที่คิดกฎนี้ เวลา 7 นาทีกับตัวอักษรเป็นพัน ๆ เธอจะไปทำทันได้ยังไง เพราะแบบนี้ใช่ไหม ไอ้จดหมายพร้อมกฎบ้า ๆ นี่ยังคงอยู่


เธอร้องไห้สะอื้นจนหยดน้ำตาร่วงใส่แผ่นกระดาษไม่รู้กี่หยดต่อกี่หยด เสียงร้องไห้แทบจะดังกว่าเสียงสายน้ำ แต่ไม่มีใครได้ยินเลยสักคน รถที่เคยขับผ่านไปมาก็แทบไม่มี ดูเหมือนว่ากฎพวกนี้่ไม่ได้ตั้งใจจะให้ใครรอดไปแต่แรกอยู่แล้ว แม้แต่เธอ...


ติ๊ด นาฬิกาบอกว่าหมดเวลา





ตู้ม!





เสียงสายน้ำแตกกระจายพร้อม ๆ กับเสียงร้องไห้ที่หายไป กระดาษที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาถูกวางไว้ข้างรองเท้า อีกแค่นิดเดียวเธอจะเขียนเสร็จ..



แต่เธอไม่ผ่านกฎข้อห้า และนั่นหมายถึงชีวิตของเธอ



คำเตือนด้วยความปรารถนาดี

ขอให้คุณอ่านและทำตามทุกข้ออย่างระมัดระวัง พลาดไปครั้งเดียวนั่นหมายถึงชีวิตของคุณ ขอให้คุณโชคดี เดินผ่านสะพานนี้พร้อมลมหายใจ




Comments


© 2023 by Train of Thoughts. Proudly created with Wix.com

bottom of page